การคุมทีมฟุตบอล
คุมสโมสรดวงร่วง คุมทีมชาติดวงรุ่ง : เรื่องจริงไม่อิงเรื่องใครของเหล่า 9 จอมกุนซือ ตอน 7 บางช่วงเวลาของชีวิต มีทั้งช่วงที่ดีที่สุด และช่วงที่แย่ที่สุด ปะปนกันไป ซึ่งไม่ต่างอะไรเลยกับ การคุมทีมฟุตบอล ที่บางฤดูกาลจบผลงานที่ตำแหน่งแชมป์ แต่บางฤดูกาลก็จบอยู่ที่ท้ายของตาราง http://s-sweet.info
ตอนที่แล้วได้พูดถึงกุนซื้อที่คุมทีมชาติแล้วดวงรุ่ง แต่หันมาคุมทีมสโมสร กลับดันเละไม่เป็นท่า ไปแล้วถึง 6 คน วันนี้มาดูกันว่ามีใครอีกบ้าง
เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์
กุนซือฉลามขาว รับงานเป็นผู้จัดการทีมครั้งแรกก็คือการคุมทีมชาติเยอรมันในปี 2004 หลังจากที่ รูดี้ โฟลเลอร์ ทำทีมได้อย่าเละเทะในศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปด้วยการตกรอบแบ่งกลุ่มด้วยการมีเพียง 2 แต้มเท่านั้น
แต่ทันที่ที่ คลิ้นส์มันน์ เข้ามาเขาเริ่มปฎิวัติสร้างทีมด้วยการผลักดันนักเตะดาวรุ่งหลายรายอาทิ บาสเตียน ชไวสไตน์เกอร์ และ ลูคัส โพลดอลสกี้ โดยในฟุตบอลโลก 2006 แม้ เยอรมัน จะทำได้แค่อันดับ 3 แต่คลิ้นส์มันน์ ก็ได้รับการชื่นชมโดยเฉพาะการทำทีมที่เน้นเกมรุกแบบเร้าใจ
อย่างไรก็ตามแม้จะมีคำชม แต่เขาก็เลือกที่จะลงจากตำแหน่งโดยให้ โยอาคิม เลิฟ เข้ามาทำหน้าที่แทน ขณะที่ตัวเขาเองก็ย้ายไปคุมทีมชาติสหรัฐอเมริกา และพาทัพนักเตะเเดนลุงเเซมคว้าแชมป์ คอนคาเคฟ โกลด์ คัพ 1 สมัยและคว้ารางวัล โค้ชแห่งปีของโซนอเมริกาเหนือ ไปครอง
แต่กว่าที่จะได้รางวัลในการคุมทีมระดับสโมสรของเขา ก็ไม่ใช่หมู ๆ เขาเองเคยพา บาเยิร์น มิวนิค จบฤดูกาลแบบมือเปล่า ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้แม้แต่รายการเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่เปิดขึ้นไม่บ่อยนัก อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นในฤดูกาล 2008-09 ที่ คลิ้นส์มันน์ พาทัพเสือใต้ คว้าน้ำเหลวไปอย่างน่าผิดหวัง ก่อนที่จะโดนไล่ออกตั้งแต่ยังไม่ปิดฤดูกาล http://metrions.com/